July 11, 2009

ข่าวดีของแม่..!

เหตุเกิด-my home
เกิดเหตุ-เดือนกว่าๆ เย็นวันหนึ่งเมื่อกลับถึงบ้าน

ตามปกติเมื่อกลับถึงบ้านฉันก็จะไปสวัสดีพ่อและแม่และถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เพื่อทราบความเป็นไป
โดยเฉพาะแม่ เพื่อทราบอาการของท่าน ตามที่ชาวแพทย์เรียกกันว่า..โรคพาร์กินสัน
วันนี้ก็เหมือนทุกวัน
จูน: สวัสดีค่ะแม่ วันนี้เป็นยังไงบ้าง

แม่อมยิ้มกรุ้มกริ่มและทำน้ำเสียงสดใส
แม่: วันนี้ มีข่าวดีด้วย !
จูน: ข่าวดีอะไรหรอ
ฉันอดตื่นเต้นตามน้ำเสียงนั้นไปด้วยไม่ได้
แม่: ข่าวดีจริงๆ
แม่ดูดีใจจริงๆ ฉันรอฟังแม่ด้วยใจจดใจจ่อ บางทีแม่คงกำลังจะบอกว่าวันนี้แม่เดินคล่องมาก
เพราะแม่มักทำแบบนั้น.... แม่มีข่าวดีอะไรกันนะ ฉํนอยากรู้จัง

แม่: หลินฮุ่ย คลอดลูกแล้ว!
จูน: -_-!! @$$@#!!!++

อืมมม หลินฮุ่ย เธอทำให้ฉันรอฟังข่าวดีของแม่ด้วยใจจดใจจ่อ....
แต่...ฉันคงต้องขอบคุณหลินฮุ่ย เพราะวันนั้นเธอก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวบนโลกใบนี้ที่ทำให้แม่ยิ้มสดใสและดูดีใจจริงๆ .. เอ๊ะ! ฉันคงต้องขอบคุณช่วงช่วงด้วยเหมือนกันสินะ
" ขอบคุณนะจ๊ะ หลินฮุ่ยและช่วงช่วง " (@^___^@)

March 08, 2009

แม่กูสอน

อิอิ ได้รับ forward mail มา น่ารักดี ชอบๆ

-เพื่อน ๆ บอกผมว่า ทำไมมึงดูหน้าตาไม่ค่อยฉลาด แต่เรียนเก่งจังวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า แม่กูสอน ให้ขยันแล้วก็ตั้งใจเรียน....
-เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมพอมึงมีตังค์ มึงชอบเอาไปทำบุญ แจกเด็ก เลี้ยงพระวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า แม่กูสอน ให้รู้จักแบ่งปันคนอื่น ถึงเราจะมีตังค์น้อย แต่ก็มีคนอื่นที่เขาลำบากกว่าเรา....
-เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมมึงชอบเล่นกีฬหลายอย่าง แล้วไม่เคยเห็นมึงป่วยนอนโรงพยาบาลเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า แม่กูสอนให้ออกกำลังกาย จะได้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย เรามีตังค์น้อยเจ็บป่วยจะลำบาก....

-เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมมึงอารมณ์ดี ไม่เครียด ไม่โกรธใครบ้างเลยหรือไงวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า แม่กูสอน ให้เป็นคนอารมณ์ดี ทำให้คนที่อยู่ใกล้เรามีความสุข สบายใจกันทุกคน....
-เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมมึงพูดกับคนอื่น ดูสุภาพ อ่อนน้อม ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นลุงแก่ ๆ เป็นเด็กเสริฟอาหาร หรือแม้แต่ขอทานที่มึงให้เศษตังค์แล้วเขาอวยพรให้มึง ทำไมมึงต้องขอบคุณขอทานวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า แม่กูสอน ให้พูดดี ๆ กับทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เราพูดดี ๆ กับเขา เขาก็พูดดี ๆ กับเรา....
-เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมพี่ ๆ น้อง ๆ มึงตั้งหลายคน ทำไมรักใคร่กันดี ไม่เคยทะเลาะกันเลยวะ
ผมบอกเพื่อนผมว่า แม่กูสอนให้พี่น้องรักกันทุกคน เพราะหมากับแมวที่อยู่บ้านเดียวกันยังรักกันได้ ทำไมพี่น้องกันจะรักกันไม่ได้....

-เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมมึงถึงรักชาติ รักแผ่นดิน รักในหลวง มากมายนักวะ
ผมบอกเพื่อนว่า แม่กูสอน ให้กูสำนึกถึงบุญคุณของแผ่นดิน พระมหากษัติรย์ทุกพระองค์ แม่กูสอน ให้กูรู้จักคำว่า จงรักภักดีตั้งแต่กูยังไม่รู้ความหมาย จนทุกวันนี้กูรู้แล้วว่า คำว่าจงรักภักดีนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด....
-เพื่อน ๆ ผมบอกว่า ทำไมแม่มึงถึงสอนอะไรมึงมากมายจังเลยวะ
ผมบอกเพื่อนว่า ที่กูเป็นกูอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะ ' แม่กูสอน '
แม่กูสอนอะไร กูทำตามแม่กูสอนทุกอย่าง
มีอย่างเดียวที่แม่กูไม่ได้สอน แต่กูทำ แล้วกูทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว
แม่กูไม่ได้สอนให้รักแม่ แต่......กูรักแม่ว่ะ ใครไม่รัก......กูรัก.......

December 07, 2008

รักยิ่งใหญ่จากชายคนหนึ่ง

แรงบันดาลใจ~โฆษณา SevenEleven
ที่มา~ความจริงในชีวิต

20 กว่าปีก่อน
พ่อ

:ระวังนะลูก พ่อบอกอย่าวิ่งเร็วเกินไปไง .. เห็นมั้ย หกล้มเลย ไหนดูซิลูก พ่อจะทายาให้
:นั่นแน่! ดูทีวีดึกอีกแล้ว ไม่ดีต่อสุขภาพนะจ๊ะ ไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโรงเรียนไม่ไหว
:ไปสิลูก เดี๋ยวพ่อขับรถไปส่งให้นะ
:อย่าดื้อสิลูก ไม่สบายก็ต้องไปหาหมอ ไม่ต้องกลัวคุณหมอนะลูกนะ จะได้หายไวๆ
:
นั่นๆๆ วิ่งออกไปอีกแล้ว เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกลูก เห็นมั้ยน่ะ ฝนมันตก
:เอ้า! ทำไมตื่นมาหน้าบึ้งอย่างงั้นล่ะลูก อ๋ออ.. เมื่อคืนพ่อกรนดัง ลูกนอนไม่หลับอีกแล้วหรอ ขอโทษทีนะลูก ว่าแล้วเชียว เมื่อคืนเหมือนมีใครมาเขย่าๆ แล้วก็ปิดปากพ่อตั้งหลายครั้ง

วันนี้....คุณพ่อ 72 ปีแล้ว
ลูก
:คุณพ่อขาอย่าพึ่งหันหลังมาคุยตอนลงบันไดนี่สิคะ มันอันตราย เดี๋ยวค่อยคุยนะ ลงบันไดก่อน
:คุณพ่ออออ แอบปีนโต๊ะ (บันได เก้าอี้ แทงค์น้ำและอีกมากมาย) คนเดียว ไม่เรียกใครอีกแล้ว ดูสิคะ เป็นแผลเลย :( (ทั้งโกรธ ทั้งสงสาร ทั้งเสียใจ น้ำตาแทบไหล อุตส่าห์ดูแล หาหมอดีๆ ให้เวลาไม่สบาย แล้วจะมาหล่นง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง ดีนะที่เป็นแค่แผลฝกช้ำ)
:นั่นแน่!นึกแล้วเชียว นั่งหลับบนเก้าอี้ ให้ TV ดูอีกแล้ว เดี๋ยวปวดคอนะคะ ดึกแล้ว นอนเถอะค่ะจะได้แข็งแรงนะ
:ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวจูนขับไปส่งเองนะ อย่าแอบหนีออกไปก่อนแต่เช้าอีกล่ะ ยังไงจูนก็จะขับตามไปรับอยู่ดี
:คุณพ่อออ ไปหาหมอเถอะนะคะ อย่าดื้อนะ รีบหาหมอ ทานยาแต่เนิ่นๆ จะได้หายไวๆ นะคะ
:คุณพ่อขา ฝนตกแล้ว หยุดออกกำลังก่อนนะคะ โดนละอองฝนเดี๋ยวจะไม่สบาย
:(โดยเฉพาะเวลานอนเฝ้าพ่อ ตอนไม่สบาย) คิด.. เสียงกรนของคุณพ่อเป็นเสียงที่เพราะที่สุดในโลก! ยิ่งดังจูนยิ่งชอบ! เพราะแปลว่าคุณพ่อสบายดีถึงหลับและกรนได้.. .. เวลาท่านไม่สบาย สิ่งที่ลูกคนนี้ไม่ชอบที่สุด คือดึกแล้วแต่ท่านกลับหลับไม่ได้ หรือหลับแต่ดูเงียบหรือนิ่งจนเกินไป จนฉันต้องนั่งสังเกตการหายใจจากหน้าอกที่พองขึ้น-ยุบลงของท่านแทน ฉันจึงจะหลับต่อได้อย่างสบายใจ


คร..หลายคน บอกว่า เป็นลูก มีหน้าที่ต้องดูแลพ่อแม่ เวลาท่านแก่เฒ่า....
ฉันไม่เห็นด้วยหรอก!! .... ก็ “หน้าที่” อาจจะทำแค่เท่าที่ต้องรับผิดชอบก็ได้นี่นา
แต่การดูแลท่าน ฉันกลับพึ่งรู้ว่า..ละเอียดอ่อนมากกว่านั้น..
การดูแลท่านต้องอาศัยและใส่..หัวใจ..ลงไป

เพื่อให้มีพลังพิเศษอย่างหนึ่งเพียงพอที่จะทำหลายสิ่งหลายอย่างต่อไป "โดยยิ้มได้แม้จะเหนื่อยก็ตาม"

ปจ. ฉันรู้..ว่าฉันก็ยังดูแลท่านได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็นหรอก หลายครั้งที่ฉันก็แอบหงุดหงิดเพราะความเป็นห่วงที่มากเกินไป บางทีก็ยังแอบเหนื่อยจนพาลไม่อยากทำอีก แต่อย่างน้อยฉันก็ดีใจ..ที่ฉันยังมีโอกาสได้ทำ และจะพยายามทำต่อไป :)

รักยิ่งใหญ่..จากชายคนหนึ่ง ที่ทุ่มเทให้มาทั้งใจ
เธอมาเปลี่ยนโลกไปทั้งใบ ให้ชีวิต ให้คนอย่างฉัน
..
รัก..จากเธอ ให้ฉันมาจนมากมาย
ตอบแทน.เท่าไหร่ สักเท่าไหร่ ไม่อาจเพียงพอ :)

แล้วฉันก็ได้เรียนรู้ว่า คุณค่าในชีวิตของฉันในวันนี้ คือ..

การได้เดินไปพร้อมกับมีเวลาดูแลและใส่ใจท่านไปพร้อมๆ กัน
เงินทอง รางวัลหรืออะไรอีกหลายอย่างในชีวิตอาจไม่ทำให้ฉันภูมิใจได้เท่านี้
ถ้าฉันไม่เคยมีเวลาหันมายิ้ม กอด หอมหรือเอาใจใส่ท่านเลย.. :)

November 22, 2008

รองเท้าคู่ที่สาม..To Gorilla..

" Decicate to Gorilla & Hippo "
During Mar21,06 to Mar21,08
Continued from Gorilla & Hippo Journey
.นิทานของฮิปโป., Journey of The White Tulips, ด.ช.กับลูกเชอรี่ Cherry Tale, .หอยแมลงภู่ but not. และ Happy New Year 07 kaa

ความเดิม..เท้าเหล็ก.. , รองเท้าคู่แรก และ รองเท้า

Once upon a time in USA, the little hippo accepted to hold her hand and walk together with the strong and warm gorilla. Although their road was tough and seemed impossibly, but, the gorilla and the hippo were ready to fight and support each other..

Along the road, gorilla tried to construct and find the safety route for their destination. He did his best to protect hippo from stones and pouring rain. So, hippo tried her best to bright his every days as well.

All the time, gorilla took a very great care for hippo as she'd never met. He sincerely loved and cared his hippo as one man could do. Hippo could touch the sincerity and the warmth deeply inside his heart.

Gorilla filled her heart his best,..
> he planted the white tulips and the white roses for hippo's garden,
> he cooked for hippo's lunch and sent to her office,
> he taught hippo how to ski and saved her once she almost fell from the moutain..
> he protected his hippo the best if somebody will harm her.
Hippo never fear in anything as long as she had gorilla by her side.

Day by day,..
> they were suns of each other on the blue days,
> they were shoulders of each other when one cried,
> they were smiles of each other when one was sad,
> they were hands to pull each other when one fell down.


One day, hippo had to go back to her country. She could not set up her life in America. Gorilla decided to finish his duty and quit the job in USA. He followed hippo for their future and did his best to hippo's family.

Finally, they had to face the real world..
~ No matter how good hippo was, only one thing hippo could not change.. she is Thai.
~ No matter how gorilla tried to protect her, he could not handle as long as it was the attitude of his society on Thai people.
~ No matter how gorilla and hippo tried to ignore, they had to accept that it would finally impact their life.

The truth is the truth. And life is not a fairy tale.. ..
Gorilla realized he could not take care of her as he wanted. He thought it would bring hippo's life the sadness if he still hold hippo with.

>> Gorilla: " Hippo, please be back to the garden and be the sun of others. I could do my best in USA. However, in Thailand, I cannot give you a wonderful life as I want. I cannot protect you from the attitude of my society. And it is not your fault that you are Thai. Your life deserves someone better than me."
>> Hippo: "But I can keep fighting.. .. "
>> Gorilla: "Please don't do that. If we resist and deny the truth, we will fall down one day. Believe in me, I don't want to see any tears from your eyes.... I want to see a ShinyHippo with her smiles and happiness. Don't cry, don't be sad and please go on your life, my hippo".

Gorilla called hippo's father for forgiveness that gorilla could not take a good care to hippo as he promised to her dad..

Hippo has to accept it, goes on her life and keeps just good memories forever..

To Gorilla (Suai-Yee), 8-month already,. ..
> I forgave you,don't worry about me anymore..
> Don't be guilty what had passed.. you already tried your best.
> At least, once, hippo was glad to meet a gorilla who really loved, cared and tried everything for her. ..
> Hippo already stands up and keeps smiling again in her pond :)=)
> She is continuing her life the best & opening her mind to the world :)

> If she can make wishes for gorilla .. she would like gorilla and his family to have a good life and find someone he is happy to be with :)
> Last one thing, hippo wishes gorilla can be her good friend again when gorilla is ready :)


Your true friend, HipPo :)

October 22, 2008

หน้า-(@^,^@)

March 17, 2007

Home & Rochester in my mind :)

Finally, I am back to Thailand safely. Feb 22, 07 is the date I stepped into Thailand again. My parents stood and smiled through the immigration unit. I am glad to be with them again. We started chatting all the way back home and bought some Thai foods I really wanna eat. Dad and Mom grew many more flowers in the house. Also, some areas were set up for us.


My dogs could not remember me at the beginning (as well as 2 new dogs that I’ve never seen). Only Brownie could remember and did not bark to me. Brownie lost her home when she was a puppy. I had to take her on the Took Took (small taxi with 3 wheels in Thailand) and bring her to my home. Of course, that’s why she always remembers me although I left her so far.

However, I cannot forget everything in Rochester, NY. I started going to Rochester with no expectation, and just doing the best on my research and duties. Finally, I got back to Thailand with so many many many and many wonderful moments. I can say, this is also one of the best times in my life. Why do I say like that? What I derived is not just the knowledge and thesis project, because I can find it anywhere in the world. A true FRIENDSHIP…. is very difficult to find. But I got it from Rochester. All of my lab friends (13 people from 8 countries) have treated me very well. Although I am not that good in English, and often cannot follow their speaking. But it is not a barrier for being FRIEND. I could feel it along the time I spent there. All of them are cool. We had a lot of fun even working. You know what? I think the most importance is SINCERITY. Unbelievable, there is no jealousy. No one needs to be one man show. Contrary, they are ready to teach, help, forgive, smile and hold up each other. I am very appreciate this kind of atmosphere.

ถึงแม้ว่าฉันจะเคยเจอประสบการณ์ที่แย่เอาซะมากๆ จากกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งในภาคที่เมืองไทย (เอาเป็นว่าตรงข้ามกับที่อธิบายข้างบนหมดเลยล่ะ) แต่ Rochester ชดเชยความสุขอย่างมากมายทั้งหมดคืนมาให้ชีวิตการเรียนที่นี่แล้วล่ะ ฉันคงต้องขอบคุณพ่อกับแม่ (อีกแล้ว) ที่สอนให้ฉันอดทน เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนทำ พิสูจน์ตนเองด้วยผลของงาน สิ่งเลวร้ายก็จะผ่านไป สิ่งดีดีอีกมากมายจะตอบแทนกลับมาเอง.. ขอบคุณอีกครั้งนะคะ .. วันนี้จูนเห็นเเล้วล่ะค่ะ ว่าสิ่งที่คุณพ่อพูดมันเป็นจริงอีกแล้ว มิตรภาพการร่วมงานที่ไม่มีความอิจฉา ริษยา ไม่มีการชิงดีชิงเด่นเพื่อทำให้ตนเองเป็นคนที่เด่นที่สุด ไม่มีการนินทาใส่ร้ายทั้งที่เราตั้งใจทำงาน ไม่มีการกลั่นแกล้ง ประจบสอพลอ แปลกจังที่ฉันกลับได้รู้จักและทราบซึ้งในคำเหล่านี้จากคนต่างเชื้อชาติต่างภาษา ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนในชีวิต เมื่อไหร่นะ..ที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเราจะเป็นแบบนี้บ้าง รับรองว่าประเทศเราจะเจริญนำหน้าชาติไหนในโลกเลยล่ะ เพราะคนประเทศเราน่ะเก่งไม่แพ้ใครหรอก แต่มัวแต่......กันน่ะซี เฮ่อ ไม่รู้ว่ามันจะเป็นได้แค่ฝันของฉันรึเปล่านะเนี่ย

Rochester and Ballatori lab, I want to shout very very loud -thank you for making me learing your good hearts- EVERY MOMENTS THERE WILL BE IN MY MIND FOREVER. I also love you guys. ไม่แน่บล็อกหน้าเราอาจจะเห็นกันว่าพวกเขาน่ะ น่ารักกันขนาดไหนเนอะคะ ;)

January 27, 2007

SeeThroughYourMind

Cold&Warmth to share
สิ่งจะงาม ~ อยู่กับใจ
บอดที่ใจ..เห็นไปอย่างไร ไม่มีวันงาม
โลกจะสวย นั้นสวยไปตาม
จิตที่งาม มองโลกสดใสไปในทางดี
............
ต้นชบากับคนตาบอด by เฉลียง

January 23, 2007

อีก..หนึ่ง..เสน่ห์หนาว

ใครหลายคน .รอคอย.
แล้ว...... ........ ฤดูหนาวที่ Rochester, NY ก็กลับมา..
แน่นอน ฉันก็เป็นคนหนึ่งในนั้น แต่......ปีนี้
มี....มุมมอง ที่ต่างไป.....
Icy Rain กับความเย็นที่ไม่ผ่านจุดเยือกแข็ง
แต่สามารถแปลงรูปลักษณ์..หยดน้ำจากสายฝน เปลี่ยนเป็น..ผลึกน้ำแข็ง
Peace&Cold
Shinyiceontree
MorningFrost
Flake&Icy
ชอบรูปสุดท้ายนี้ เพราะถ้ามองดีดี ที่ด้านบนของลูกสีแดงตรงกลาง
จะเห็น Snow Flake หน่วยเล็กเล็ก ของหิมะ รูปร่างคล้ายดอกไม้
To Share ..by.. To Learn

January 10, 2007

วันนั้น..ฉันจะ..กลับไปกิน

ข้าวหมูกรอบ โดยเฉพาะที่ซอยอารีย์อะ
กินเมนูข้างบนกับเกาเหลาลูกชิ้นน้ำใสร้อนๆ อะ ใช่เลย
เย็นตาโฟ ใส่ปลาหมึกดองเย้อ เยอะะะะ
กล้วยปิ้งที่มีน้ำราดหวานๆ เหมือนคาราเมลอะ
ออส่วน เอาแบบที่กรอบๆ มันน้อยๆ
ฝรั่งแช่บ๊วยอะ แบบว่าสะอาดๆ รสชาดอร่อยๆ
ก๋วยเตี๋ยวหมูพริกกะเหรี่ยงนะ ที่ไม่เผ็ดมาก พอดีๆ
เอ็ม เค สุกี้นะ ต้องมีลูกชิ้นเอ็มเค กับอื่นๆอีกมากมายให้ด้วยนะ
ราดหน้าอร่อยๆ เอาแบบที่หมูนุ่มๆ นิดนึง
ปลานึ่งมะนาว ไม่คาวด้วย
ขนมปังธรรมดาๆ นี่แล่ะ แต่จิ้มนมข้นหวานตราหมีนะ
สลิ่มอะ หรืออะไรไม่รู้ที่มันมีชิ้นขนุนด้วย

โอยยย มีอีกเยอะเลยอะ แต่ว่าลืมไปแล้ว คิดออกจะมาเติมใหม่ กลับไปก็จะลากคนไปกินด้วยให้หมดเลย
เพื่อนๆ ทั้งหลาย ไม่พลาดแน่ ใครไม่ว่างไปด้วยล่ะก็ ฉันจะ !!!!!!!................................ ไปกินคนเดียว (ก็ได้)
แต่คงนั่งร้องไห้อยู่ที่ร้าน............. เพราะว่าพุงแตกแล่ะ ก็สั่งแยะจนกินคนเดียวไม่หมดแน่ๆ
อยากกิน ง่ะ ง่ะ ง่ะ ไม่ยอม ไม่ยอม....อยู่ที่นี่มันหารสชาด original แบบนั้นไม่ได้ง่ะ

December 30, 2006

Happy New Year 07 kaa.

Happy New Year 07 with love..
Merry Christmas and Happy New Year 2007 to everybody..

I was so happy for the past Christmas. I spent time with my uncle and his family (my cousins) in Boston. My BF (Suai Yee) drove for 6-7 hrs to get there. We celebrated Christmas together with presents, ham and traditional American food. It was good for me to escape hard working for a while, relax and enjoy.

Thank you for this happiness. My uncle, thank you for Santa sock. You stitched the name of me and my BF on the sock. It's sooooo cute. Ataun, you are always my big brother. I am not sure whether I can take care you as good as you did for me. Anyway, I will do the best when you go to Thailand. In addition, I also have the other cousin in Mishigan. She always keeps in touch and cares me. As soon as I arrived USA, she called me and gave me a very good support.

I just realize that I am so lucky to get a very well treat from everybody even I am so far from Thailand. However, I would like to thank my dad and my mom. You are generous and sincere to everybody. Therefore, everybody loves and respects you. So, that's why they also love me and give me a very good taking care. That is.. I have today because of you. :)

In addition, I love everybody in lab here, my boss (my Professor) and my friends. They all are such a very good coworkers that I have never met . There is no compeition and no jealousy in lab. Everybody helps each other with sincerity and wants others accomplish work. They are ready to teach, forgive and share together. Because they know that nobody is perfect and nobody knows everything. So, I can put more than a hundred percent of my effort and energy on my work only, no need to think about human politic. Which I have never found such a good atmosphere like this in Thailand yet.

Also, my previous project was accpepted for international journal publication already. I am working on the second one now. Therefore, this year is my happiness and peaceful year. I was tired only my physical body. But, my heart is fulfilled with sincerity, happiness, peace and new learnings. Only one important thing that I don't have in USA is my parents. Otherwise, my life this year would be 100% perfect.

Anyway, To Learn is still Giving me a Happiness. So many many things happened to me this year. It made my opinion growing and wider. My heart is opened and ready to understand this world. I learn to keep wonderful things and great people with me, ignore unneccessary stuff and go on my life in a simple way.

Lastly, I would like to share my happiness to everybody, my parents, my relatives, all of my good friends, my boyfriend and the readers of my blog. Next year will be a big year for me, to give presentations, to graduate my Ph.D, to select between job or what I am happy to do. However, We all are still holding hands to pass this year and celebrate next year together with love and care.

Thanks everybody again for loving and caring.
Merry Christmas and Happy New Year 2007.

Love you,
To Learn is still Giving me a Hapiness
..
By June

November 27, 2006

หอยแมลงภู่ but not...!

เธอกับเขา..(ผู้ซึ่งพูดภาษาไทยได้ แต่ไม่ค่อยแข็งแรง)
....................................
เธอ: Do you know mussel (หอยแมลงภู่) in Thai?
เขา: I eat it but don’t know the word in Thai.
เธอ: Aor.. Pa sa Thai kao reak mussel wah Hoy Malang Phoo ka.
----(อ๋อ ภาษาไทยเค้าเรียก mussel ว่าหอยแมลงภู่ค่ะ )
เขา: Oh, really? Phom mai ru rok krub wah Hoy nee mee tae tua Phoo !!!
----(โอ๊ะ จริงหรอ ผมไม่รู้หรอกครับว่า หอยนี่มันมีแต่ตัวผู้ !!! )
เธอ: … ( -_- ') ...
(ไม่ช่ายยยย หอยแมลงภู่ไม่ได้มีแต่ตัวผู้ มันออกเสียงเหมือนกันแต่ความหมายไม่เหมือนกันค่า)

November 10, 2006

Bye Bye My Long Hair

.....Before and After.....
คือว่า..ไปตัดผมมา
แม้ว่า..ไม่สั้นอย่างใครเขา
แต่ว่า.หลายปีคลอเคลียกับเรา

กลับมา แอบเศร้า..โวยวาย

บอกช่างให้ตัดเล็กน้อย
เพราะฉันชอบปล่อย..ผมสยาย
ฉับ ฉับ..ผมกลับ ถูกตัดมากมาย
สุดท้าย ได้ทรง งง งง มา

....ถึงแม้ ไม่ชอบ มากนัก
ทุกคนที่รัก บอก ดีหนา
สบายหัว แห้งเร็ว ประหยัดเวลา
หน้าตา เด็กขึ้น อีกหกปี....

ไม่รู้ ว่าหลอก รึเปล่า
แต่นานเข้า ชักเริ่ม ตระหนัก
ประหยัด ครีมนวด ดีนัก
หมดเวลาพัก ทำแลบ ต่อเอย !!..

October 06, 2006

ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็ก

ยิ่งโตมากขึ้นก็ยิ่งมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นมากมาย เหนื่อยจัง
เหนื่อยมากๆเลย เหนื่อยจนบางครั้งน้ำตาไหลออกมา
เหนื่อยจนคิดถึงเวลาที่เรายังเป็นเด็ก ไม่มีเรื่องราวมากมายที่ต้องคิดและรับผิดชอบ
ช่วงนี้ทำแลบเหนื่อยมาก เหนื่อยจนรู้สึกว่ากำลังตั้ง Cell Death Program อยู่
เฮ่ออ เรียนปริญญาเอกนี่มันช่างต้องอึด อดทนเป็นสำคัญเหลือเกิน
..ความฉลาดอาจไม่ต้องโดดเด่น แค่จำเป็นต้องอึดอย่าง...
เออ!! เอาเถอะน่า สองปีก่อนฉันก็เคยรู้สึกอย่างงี้มาครั้งนึงแล้ว

แล้ววันนี้ฉันก็มี Paper แรก ตีพิมพ์งานวิจัยของฉัน ฉะนั้นฉันก็บรรลุข้อบังคับอย่างนึงที่จะจบ
วันนี้..ฉันก็เหนื่อยแบบนั้นอีกแล้ว.. ดูซิว่าแล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกมั้ย
แล้ววันนั้น ฉันจะยิ้มให้หน้าบาน แก้มฉีก หอมแก้มพ่อกับแม่ให้ฟอดใหญ่
ว่าในที่สุด ฉันก็ทำมันเสร็จซะที....

นี่ล่ะน๊าการทำอะไรที่เราไม่ได้รักที่จะทำ
มันกว่าเหนื่อยกว่าคนที่รักที่ได้ทำเป็นเยอะเลย เอาเหอะ ทำต่อไปดีกว่า

ชอบเพลงนี้จัง เฮ่อออ ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม..

พื้นที่เล็กๆ ของ บอย ตรัย ภูมิรัตน์

จะต้องถอนใจ อีกสักเท่าไร โลกแห่งความเป็นจริง ไม่เคยเป็นอย่างใจ วันและคืนเปลี่ยนหมุน ให้เราวิ่งตามเรื่อยไป โตแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนไป การเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ง่ายเลย มันไม่คุ้นไม่เคย ยิ่งคิดยิ่งเหนื่อยใจ ไม่มีเวลาเหลือ ไว้ฟังไว้คิดถึงใคร โตแล้ว ต้องทำอย่างไร เมื่อนาฬิกาในชีวิตหมุนเร็วกว่าใจ ..
ขอพื้นที่เล็กๆให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม ในวันนึงเท่าไร ก็ไม่เปลี่ยนไปได้หรือเปล่า ให้ความสดใส ยังอยู่กับเรา อย่าให้ใครเขามาแย่งไป แค่เพียงอยาก ขอพื้นที่เล็กๆนี้ยังเป็นเด็กไปนานๆ ให้เรายังได้ฝัน ให้เรายังยิ้มได้ โลกแห่งความจริง มันจะดีหรือร้าย เก็บความเป็นเด็กในหัวใจ จะอยู่กับฉันตลอดไป

I just want to release my tiring. Bcoz I am very very very tired during this time. I work so hard, until I feel like I am setting Cell Death Program. Sometimes, the tears are fall to relieve my physical pain. We have to accept more responsibilies when we grow up, and have to do the best as we can. Bcos sometimes that result is not affact only ypurself, but also others people eg. your institute, teacher and country. It makes me think of when I was a kid, just go to school, play, eat, sleep, smile and laugh.

Anyway, I used to be tired like this 2 yrs ago. Finally, my work was accepted to be published online right now. Soooo, I will wait to see next chapter of this tiring again. That day, I will give a big kiss and big hug to my Dad, Mom, family and my loves, and shout loudly I CAN DO IT.. I HAVE BEEN THERE AND DONE THAT.

Huhh, but today, go back to my data before. :<

August 10, 2006

ด.ช.กับลูกเชอร์รี่-Cherry Tale

To Learn the Cherries

Once upon a time, there is a little boy who does not like the taste of cherry. Why? Because he knew the cherry taste firstly from ice cream bowl. He though that cherry was such an artificial taste and horrible. He will not take it anymore.

Many years ago, one little girl gave him a fresh cherry from farm. The little boy denied. But he still had a question inside. "Why does this little girl enjoys the cherry very much?" He wondered.

Finally, the little boy decided to try the cherry again. "Hmmm,it is not that bad as that time. It's fresh, crunchy and juicy." He though.

He was glad and had a big smile....
He would never know the truth if he were not open his mind.

ขอบคุณภาพจาก google.com / www.avarella.com

July 30, 2006

ไพเราะ - Life Value

คำพูดที่เพราะที่สุดในชีวิต เท่าที่ฉันเคยได้ยินตลอด ๒๗ ปีที่ผ่านมา....
-พ่อและแม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ-
บางครั้ง..เราอาจไม่ได้ทำในสิ่งที่ตนรักเสมอไป
แต่สิ่งนั้นกลับมอบคุณค่าแห่งจิตใจตอบกลับมา
....
"We are proud in you". That is what my parents talked to me.
Thank you for Ph.D studying.
It makes me learning many things more than knowledge.
Especially Human and Life.
Sometimes, we cannot do everything as we want.
But it can give us the value of life.

April 25, 2006

Life .. As a Shower

Sometimes, life is like having a shower.
There are two ways to adjust....
One is turning hot water up when we fear the cold.
And the other is adding cold water when we need to cool down.
.. ..
Warmth .. is not too hot and not too cold.
Warmth .. relieves us from burning.
Warmth .. heats our life up from cold.
Warmth .. Thanks for making life & heart powerful but simple.

April 05, 2006

DST with Niagara Falls

Learn the history of daylight saving, from Benjamin Franklin to the present...

Just as sunflowers turn their heads to catch every sunbeam, so too have we discovered a simple way to get more from our sun.We've learned to save energy and enjoy sunny summer evenings by switching our clocks an hour forward in the summer.

Unbelievable, I did write about Daylight Saving Time; DST 5 months ago (October 30, 2005). And the last Sunday (1st Sunday of April) is the time to switch the clock an hour ahead. It is called Spring Forward as I used to mention in those blog. So, Thai time is 11 hours forward to Rochester, USA again. Don't forget na jaaa :)

Anyway, no one can really save the time. Maybe, doing the present the best is what we can and to lay down our valuable future..
Spring of Niagara Falls

Rainbow Bridge

And what I did on that day is spending time at Niagara Falls in part of American Falls.. Thank you for the first trip ..

March 30, 2006

Journey of the White Tulips

The White Tulip
~ The Long and not Easy Journey ~
..Thank you for the white tulips & poem..

March 22, 2006

นิทานของฮิปโป

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่เมืองเมืองหนึ่งมียักษ์กอริลลาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์อันสวยงาม พร้อมกับสวนสวยงามเขียวขจี ที่ข้างๆ คฤหาสน์นั้นเอง ก็มีเด็กๆ กลุ่มหนึ่ง ทั้งกวาง ม้า สิงโตและฮิปโป วิ่งเล่นเป็นเพื่อนกันอย่างสนุกสนาน เด็กๆ ทุกคนต่างอยากเข้าไปเล่นในสวนของยักษ์กอริลลา แต่..ก็ไม่มีเด็กคนไหนกล้าเข้าไปสักคน

วันหนึ่งยักษ์กอริลลาเดินทางออกไปนอกเมือง เมื่อเด็กๆ ทุกคนรู้ ต่างก็พากันมาวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในสวนของยักษ์กอริลลา แต่แล้ว.... ยักษ์กอริลลาก็เดินทางกลับมา เด็กๆ ต่างพากันตกใจ ยักษ์กอริลลาไล่เด็กๆ เหล่านั้นออกไปจากสวนของตน และทำกำแพงสูง กั้นไม่ให้ใครเข้ามาวิ่งเล่นได้อีก ยักษ์กอริลลาใช้เวลาแต่ละวัน แต่ละวัน และแต่ละวันกับสวนของตนเองคนเดียวอย่างที่ต้องการ แต่ยักษ์กอริลลากลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่เขาคิด ยักษ์กอริลลาจึงไปเรียก Mr.เมฆมาที่สวน แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เขาจึงไปเชิญ Mr.สายฝน มาอีก ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ยักษ์กอริลลาจึงตัดสินใจไปชวน Mr.ลม และ Mr. หิมะมาที่สวนแห่งนี้ แต่..สุดท้าย สวนของยักษ์กอริลลากลับไม่สวยงาม สนุกสนานอย่างที่ยักษ์กอริลลาคิด....

ยักษ์กอริลลาเดินไป.. เดินไปที่กำแพงสูงที่ยักษ์กอริลลากั้นสวนไว้ไม่ให้ใครเข้ามาวิ่งเล่น ยักษ์กอริลลามองออกไป ภาพที่เขาเห็นคือพระอาทิตย์กับกลุ่มเด็กๆ ที่เล่นกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข ยักษ์กอริลลาคิด..ในที่สุด เขาตัดสินใจทำลายกำแพงนั้นลง และเชิญให้เด็กๆ เข้ามาวิ่งเล่นที่สวนของตน เขาพบว่าสวนของเขากลับอบอุ่นและมีความสุข

แต่ยักษ์กอริลลากลับมองหาเด็กคนหนึ่งที่เขาอยากเจอไม่พบ ..ฮิปโป ฮิปโปไปไหนนะ ทำไมวันนี้ไม่เห็นฮิปโปมาวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ....ยักษ์กอริลลาคิด เขาจึงถามเด็กๆ คนอื่นว่า ฮิปโปอยู่ที่ไหน..
กวาง ม้า สิงโต และเด็กคนอื่นต่างชี้ไปที่ดวงอาทิตย์ และบอกว่า..นั่นไงฮิปโปไปเป็นพระอาทิตย์ คอยให้ความอบอุ่นกับพวกเราอยู่ที่นั่นเอง....ยักษ์กอริลลาเข้าใจ เขายิ้มและดีใจที่ได้รับความอบอุ่นนั้นแบ่งปันจากฮิปโปเหมือนเด็กๆ ทุกคน.. จบ

ตรงกันข้าม....ฮิปโปกลับไม่เคยรู้เลยว่าฮิปโปสามารถเป็นดวงอาทิตย์ได้

นิทานเรื่องนี้ มีเพื่อนคนหนึ่งแต่งขึ้นให้ และเล่าให้ฟัง ขอบคุณ..สำหรับนิทานของฮิปโป
ชอบมุมมองของการแบ่งปัน.. ทั้งการตัดสินใจแบ่งปันสวนของยักษ์กอริลลาให้กับผู้อื่น ไม่อย่างนั้นยักษ์กอริลลาก็จะไม่ได้พบมุมมองอีกมุมหนึ่ง และชอบการแบ่งปันของฮิปโป แม้ว่าฮิปโปอาจจะไม่เคยรู้เลยว่าสามารถเป็นดวงอาทิตย์ได้

การแบ่งปัน..ยิ่งมอบให้ ความสุขที่ได้รับกลับมายิ่งเพิ่มขึ้น

เสียดาย.. ที่จริงอยากให้เจ้าของเรื่องได้มาอ่านด้วยเหมือนกัน แต่เจ้าของเรื่องก็ไม่สามารถอ่านภาษาไทยออก และ เจ้าของบล็อกก็ไม่สามารถจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ดีเท่าอีกเหมือนกัน เลยได้แต่ขอบคุณ และนำมาแบ่งปันอีกมุมมองให้ทุกคนด้วยกัน
Thank you for your story. It is very meaningful. How could you think and translate to me in Thai version? So, I would like to share this warmth to everyone I love here.... friends, family and everyone who joins my blog.

และ.. สำหรับใครที่คิดว่านิทานเรื่องนี้มีพอมีแง่คิดอะไรที่ดีบ้าง จะเอาไปเล่าต่อให้ลูกฟังก็ยินดีนะคะ....ฮิปโป....

March 17, 2006

หู

หู .. <(^_^)> ..
ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นอะไร ตื่นเช้ามาอาบน้ำ ล้างหน้า ส่องกระจกแล้วรู้สึกว่า..รักหู..
ฉันเป็นผู้หญิงที่ไว้ผมยาว ถ้าเลือกได้ ฉันชอบปล่อยผม ฉันไม่อยากคาดผมหรือหนีบ
วันนี้ฉันรู้สึกรักหูของฉัน ถ้าฉันไม่มีหู (ใบหูน่ะล่ะที่ฉันหมายถึง)....
..ฉันจะเอาอะไรไว้ทัดผม
..ผมของฉันคงเปียกเวลาล้างหน้าถ้าไม่ได้ทัดหู
..แก้มก็จะเป็นสิวเพราะฉันแพ้ยาสระผมกับการระคายเคือง
..และฉันก็ชอบหน้าของฉันเวลาฉันเอาผมทัดหู

-- ฉันรักหูของฉัน --
(เหมือนฉันเขียนอะไรสักอย่างส่งคุณครูตอนป.๑ เลย แต่วันนี้ฉันรู้สึกว่า หูเป็นสิ่งที่น่ารักและมีคุณค่าของหูเองจริงๆ ฉันจึงเขียนถึง และขอบคุณนะ ฉันจึงรักหูของฉัน)

March 14, 2006

..คุณค่า..

คนคนหนึ่ง สำหรับใครคนหนึ่ง อาจมี..คุณค่าแค่เพียงหนึ่ง..
~แต่~
คนคนนั้น สำหรับใครอีกคนนั้น กลับมี..คุณค่าถึงเพียงนี้..

March 07, 2006

June in San Diego

Hello everybody,
This is June. Now, I am in San Diego, California, USA to join SOT; Society of Toxicology Seminar and present my work. I just went to Sea World. It was very fun. I love the dolphins so much. They all are so cute. Alright, I will talk to you later.
June (@^_^@)
SD, CA, USA

March 03, 2006

ศิลปินลาว!! & MP3 download

เมื่อวานซืนอยู่ใน mode อยากฟังเพลง “เจ็บไปเจ็บมา” พี่เจ เจตริน อย่างแรง แต่ไม่มี MP3 ในเครื่อง เลยพยายามไปหาฟังเพลงออนไลน์จาก internet เปิดหาจากหลาย website แต่ก็หาฟังไม่ได้ สงสัยจะเก่าเกินเหตุ แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ แว้บไปเหลือบเห็น website หนึ่ง แถ่น แทน แท้นนน..

click เข้าไป พบกับ “ศิลปินลาว (กำลังมาแรง) Over Dance” เหลือบลานสายตาไปทางขวาอีกหนึ่งนิด เห็นชื่อเพลง -เพียงบอกว่าฮัก- แบบว่าตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ แต่เห็น โฆษณาว่ากำลังมาแรงเลยท้าทายเรา เอานะ ลาวก็ลาว ไม่เปิดโอกาสแล้วจะรู้ได้ยังไง โอเค loaddd

ปจ 1. ก่อนอ่านต่อ กรุณาลองโอเค click ต้อนรับ เพียงบอกว่าฮัก จาก Over Dance ศิลปินมาแรงของประเทศลาว อัลบั้มไม่ปรากฏ ลดความเครียดกันหน่อย

.... เสียง Melody, Intro ขึ้น อืมมมม แอบน่ารักแฮะ รู้สึกทำให้อารมณ์ดีขึ้น ..และแล้ว เนื้อมาฮ่ะ
ชาย: หญิงคนนี้ สดใสและร่าเริง เมื่อได้เห็นแล้ว ก็สุขใจ แม่นคนคนนี้ ที่เฮ็ดให้หัวใจ อบอุ่นและสุขเหลือเกิน

(แอบเริ่มอมยิ้มที่มุมปาก)
หญิง: ซายคนนี้ มีควมฮัก ที่สดใส และบอริสุด บ่เคยพบ บ่เคยเห็น ผู้ซายที่ดีคือจ้าวว

(คือ แปลว่าเหมือน ถึงตอนนี้ หัวเราะเลย)
ชาย: อยากบอกว่าฮัก ว่าฮักเจ้า ฮักเจ้าสุดหัวใจ จะบ่แบ่งใจให้ ไปให่กั้บค้นอื่น

หัวใจดวงนี้จามอบให้เจ้า เพียงแต่เจ้าบอกว่าฮักข้อย
โว่ โฮ่ โฮ่ จะฮักเจ้าเพียงคนเดียวนับจากนี้ จะบ่เปี่ยนใจไปฮักกั้บค้นอื่น เพียงแต่เฮาฮ้ากกัน
I miss you. I love you. I want you to be in myyyy life. (เนี้ยย มีภาษาอังกฤษด้วย)

.... ฮู้ยย วี๊ดด วิ่ว เกิดมีหนุ่มลาวในอเมริกาส่งเพลงนี้มาให้ จะใจอ่อนมั้ยเนี่ยเรา อิอิอิอิ

อ่ะ เดี๋ยวจะหาว่ายัง go inter ไม่พอ แถมให้อีกอันไว้ download MP3 แบบเพลงภาษาอังกฤษ ช่วงไปบอสตัน You’re beautiful ของ James Blunt กำลังดัง เลยไป download มาเรียบร้อย เวบนี้เอื้อเฟื้อแบ่งปันโดย..พี่ชายเราเอง อิอิ

Alright, we go inter now.., hit to the point of Laos and English songs.
In case that you’re still interested in other songs of Over Dance, hit Over Dance
. Hope you guys get a little smile in the tough day. I have listened to that song 2 days ago when wanna fresh up myself in the hard day.

ปจ 2. ไม่คลิกเข้าไปฟัง แล้วจะหาว่าไม่แบ่งปันรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ปจ 3. ขออภัย ที่ไม่สามารถค้นหาเวบครั้งแรกสุดที่เข้าไปฟัง ที่มีคำยืนยันว่า .กำลังมาแรง. ได้
ปจ สุดท้าย. เพลงเค้าดูสดใส น่ารักและบริสุทธิ์จริงๆ นะ ถึงได้เอามาแบ่งปันเนี่ย

February 27, 2006

First Night Boston (ควันหลง)

เปิดดูรูปไปๆ มาๆ เลยตัดสินใจเอามาเล่าต่อดีกว่า ก็เป็นเรื่องราวการ Countdown New Year 2006 ที่ Boston ซึ่งความจริงเป็นเรื่องที่อยากแบ่งปันมากที่สุดของ trip นี้ แต่จำได้ว่าตอนนั้นแอบโดนต่อว่าอะไรสักอย่างเลยหยุด trip นี้ไป ที่นี่เค้าก็จัดงาน 2006 First Night Boston - December 31, 2005 1PM to Midnight

งานนี้ก็ซื้อบัตร ติดเข็มกลัดอันเดียว เที่ยวได้ทั่วเมือง แต่เฉพาะ 1 วัน 1 คืน ก่อนวันปีใหม่ งานนี้จูนกับพี่ชายก็ตะลอน on tour กันด้วยรถไฟและสองเท้าก้าวเดิน พร้อมกับคำอธิษฐานของจูนว่าขอให้คืนนั้นหิมะตก จะได้ countdown กับหิมะที่บอสตัน เราก็นั่งรถไฟไปกันพร้อมกับอากาศหนาว เริ่มต้นกันที่ New England Aquarium อย่างที่ได้เล่าค้างไว้ครั้งก่อน แล้วก็ไป Boston Public Library ที่ปกติต้องเสียสตางค์ถ้าไม่มีบัตร ซึ่งก็ชอบห้องอ่านหนังสือ แต่รู้สึกว่าโคมไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือแอบสวยไปนิดนึงสำหรับการอ่านหนังสือ น่าจะไปอยู่ที่ร้านอาหารมากกว่า บันไดและศิลปะภาพผนังก็สวยงามทีเดียว



ออกมาด้านนอกเราก็จะพบกับ Boston Common สวนสาธารณะที่ไม่มา แปลว่ามาไม่ถึง Boston ถึงตอนนี้หิมะก็เริ่มตกลงมาแล้ว จนพี่ชายบอกว่า Yeah, June, you’ve got your wish. พร้อมกับเดินทานขนมปังอบกับโกโก้ร้อนๆ เพิ่มความอร่อยและอิ่มอุ่นกันไป สำหรับ 2006 First Night Boston เค้าก็มี Ice Sculptures แสดงกันอยู่ที่นี่ด้วย ผ่านตั้งแต่ตอนเริ่มตั้งน้ำแข็ง จนเมื่อความมืดยามค่ำคืนเข้ามาแทนที่ แสงไฟก็ตกกระทบกับน้ำแข็งเพิ่มสีสันความสวยงามของคืนนั้นทีเดียว เราก็เลยเดินชมประติมากรรมน้ำแข็งตามจุดต่างๆ ในสวนสาธารณะ เพื่อรอเวลา Procession ไปในตัว(ก็ประมาณขบวนพาเหรดนั่นเอง) เสียดายที่วันนั้นจูนลืมเอา battery ไปสำรองสำหรับกล้องดิจิตอล เลยถ่ายรูปไม่ได้เต็มที่ ได้แต่เก็บความประทับใจไว้ในความทรงจำ
Procession จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ด้วยสถานที่ บรรยากาศ แสงไฟลวดลายต่างๆ และหิมะที่โปรยปรายลงมาก็เลยทำให้สนุกและสวยงามไม่ใช่น้อย นอกจากนี้คืนนั้นก็มี fireworks (ดอกไม้ไฟ) แสดงกันที Boston Common ตอนหัวค่ำ และที่ Boston Harbor ช่วง midnight countdown จูนก็ได้ดูทั้งสองที่สวยงามไม่มีคำบรรยายอะไรเพราะเป็นครั้งแรกที่ดูที่สถานที่จริง ไม่ได้ดูผ่านโทรทัศน์ ส่วนที่ Boston Harbor ทุกคนก็มารวมตัว 5, 4, 3, 2, 1, .. “Happy New Yearrrr” กับความงามของดอกไม้ไฟและหิมะนุ่มๆ ที่โปรยลงมา ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งความประทับใจสำหรับปีใหม่นี้กันทีเดียว ก็ได้แต่เก็บเกี่ยวประสบการณ์และความทรงจำครั้งนี้เอาไว้ตลอดไปตามสไตล์ To Learn..By June ค่ะ (@^_^@)

Christmas tree decoration และ Grand Procession กับหิมะที่โปรยปรายลงมา








February 23, 2006

ปัญหาหนัก

หนู: คุณหมอคะ คือว่าหนูมีปัญหาหนักค่ะ อึดอัดไม่รู้จะบอกใครดี เป็นปัญหาหนักจริงๆ หนูจะทำยังไงดีคะ คุณหมอ
คุณหมอ: ครับ..... (เงียบ..................................)
หนู: (งง ทำไมเงียบ)????
คุณหมอ: ................ (ยังเงียบอยู่ เหมือนรออะไรสักอย่าง)
หนู: อ้าว ทำไมคุณหมอไม่ตอบอะไรล่ะคะ
คุณหมอ: เพราะหมอรอฟังอยู่ครับว่ามีปัญหาหนักอะไร หมอจะได้แก้ไขให้ถูก
หนู: คือปัญหามันหนักมากเกินที่หนูจะรับไหวจริงๆ ค่ะ
คุณหมอ: ก็นั่นสิครับ บอกหมอมาได้เลยนะครับว่าปัญหาคืออะไร ไม่ต้องกลัว
หนู: เอ๊ะ คุณหมอคะ หนูไม่ได้กลัวอะไร.. หนูบอกว่าหนูมีปัญหาหนัก.. หนัก หนัก หนักขึ้นทุกวัน จนใส่กางเกงตัวเก่าไม่ได้มาหลายตัวแล้วค่ะ ทำไมคุณหมอถึงไม่เข้าใจหนูคะ
คุณหมอ: .....???? พยาบาลลลลล มาเอาออกไปที !!!! ...โครมมม

หนู: ???? !!!!

February 20, 2006

ทางเดิน เดินทาง

ทางขาวพราวพร่างสร้าง ร่างไว้
เดินสู่ปลายทางใด ใช่รู้
เดินจิตต์นิ่งสติไซร้ ให้อยู่
ทางข้างหน้าควรผู้ คู่ได้ดีเอง

February 17, 2006

ตำนานเพื่อนกับหอยแมลงภู่

ตอนนี้แอบรู้สึกสนิทกับเพื่อนคนนึงอย่างไม่รู้ตัว เราพึ่งรู้จักกันสักเดือนกว่านี่เอง แต่แอบไปสนิทกับเค้าและก็เป็นห่วงเค้าซะงั้น.. เธออายุมากกว่าเราสองขวบปี แต่จบเอกซะแล้ว (หวังว่าจะจบภายในอีกสองปีนี้เหมือนกัน) เลยมาทำ Post-Doc ต่อที่นี่ เร็วๆ นี้เอง เธอพึ่งมาจาก Netherland ดินแดนในฝันของเราตอนเด็กๆ ซะด้วย ก็เพราะเราประทับใจดอกทิวลิปกับกังหันลมที่ดูในรายการท่องเที่ยวมากๆ..

ที่จริงเราพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่เพราะเธอเป็นคนพูดเบามากๆ และทักษะการฟังภาษาอังกฤษของเราก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง.. เธอไม่มีรถเหมือนเรา เธออยากไปซื้อของ เราเลยไปหา website ของ University bus ให้เธอ แล้วเราก็ไปเป็นเพื่อนเธอ (บ้ารึเปล่า อยู่มาห้าเดือนไม่ขวนขวายจะนั่งไป พอเธอมาเลยไป) เราชวนเธอไปสมัคร Gym ไปออกกำลังกาย ทุกเย็นวันอังคาร กับพฤหัสบดี ถ้าว่างเราก็จะ Jazzerxise กัน (งงล่ะซี ว่ามันคืออะไร อิอิ ไม่บอก).. ก่อนกลับบ้านทุกเย็น เรามักจะเดินไปบอกเธอว่า good night เธอไม่ลืมกุญแจ office นะ ต่อมาเธอเลยทำแบบนั้นกับเราเหมือนกัน เธอแอบบอกเราว่า ถึงจะเลิกงานกลับบ้านแล้ว แต่ประเทศเธออ่ะ 5-6 โมงเย็นเข้าไม่พูด good night กันหรอก เราเลยหัวเราะ บอกว่าประเทศเราก็เหมือนกัน (ก็ไม่เห็นมีใครราตรีสวัสดิ์ก่อนกลับบ้านกันสักคน แต่ที่ US ก่อนจากกันของวันนั้น ยังไงก็ good night ถึงจะ 5 โมงเย็นก็ตาม)เอ๊ะ พึ่งสังเกตว่าธงชาติของ ไทย-เนเธอร์แลนด์ มีสีแดง ขาว น้ำเงินเป็นสีหลักเหมือนกันแฮะ


แต่สุดท้าย ขอสารภาพตอนที่เรารู้จักเธอใหม่ๆ เราแอบไม่ค่อยชอบเธอ เพราะว่าเราไปทานอาหารกัน (หลายคน) เธอไม่รู้ว่าเธอกินเผ็ดได้แค่ไหน ทุกคนเลยแบ่งของตัวเองใส่ถ้วยให้เธอชิมว่า เผ็ดระดับไหนที่เธอรับได้ เธอไม่ยอมชิมของเรา แล้วเธอบอกว่า I don’t wanna try this one. เธอชิมถ้วยอื่น แต่เธอผลักถ้วยนี้ออกถ้วยเดียว เราเลยเสียความรู้สึก แอบไม่ชอบเธอเล็กๆ ซะงั้น งอนๆ.. พออยู่ไปๆ เราพึ่งมารู้ตอนหลังว่า เธอแพ้ mussel (พวกหอยแมลงภู่) เธอกินไม่ได้ อิอิ แหม.. ก็ไม่บอก วันนั้นอุส่าห์ตั้งใจตัก mussel ตัวใหญ่ที่สุด โปะลงบนถ้วยให้เธอเลยอ่ะ และนั่นก็คือเหตุผลที่เธอผลักถ้วยของเราออกนั่นเอง ก็เธอไม่ชอบหอยแมลงภู่ เธอแพ้ อิอิ..เกือบจะตัดสินเธอเพราะ หอยแมลงภู่ ซะแล้วเรา..

จบ.. ตำนานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าด่วนตัดสินคนเพราะหอยแมลงภู่ ????

February 14, 2006

~ Valentine of ROC ~

ปีนี้ก็ทำแลบ Project ใหม่ (ที่ยังตะกุกตะกัก) ทำ presentation ทั้ง lab meeting ทั้ง seminar ทำอะไรมากมายจนลืมไปเลยว่า อ้าว จะวันวาเลนไทน์อีกแล้วเหรอ ที่นี่ก็ไม่เห็นตื่นเต้นเท่าเมืองไทยเท่าไหร่เลย ทั้งที่เป็นเจ้าของเทศกาล ทุกคนก็ดูเรื่อยๆ ปกติ ห้างสรรพสินค้าก็มีตกแต่งบ้างพอให้รู้ว่ามีอะไรแดงๆ กับรูปหัวใจ แต่คงอายชิดซ้ายถ้าเจอห้างบ้านเรา อืม จะว่าไปบ้านเราก็แปลก รับวัฒนธรรมเค้ามา แล้วก็ฉลอง ตกแต่งประดับประดากันจนเกินพอดี แถมยังมีวัฒนธรรมวัยรุ่นที่ชักประหลาดขึ้นทุกวันสัมพันธ์กับวันลอยกระทง.... ทำเอาพ่อแม่กลุ้มใจไปตามๆ กัน น้องๆ ส่วนหนึ่งก็จับจ่ายใช้สอย (ด้วยเงินพ่อแม่นั่นแล่ะ) หาซื้อของขวัญแพงๆ ตามกระแสกันไป

มาดูที่นี่กันบ้างดีกว่า ไปซื้อของมา เดินไปเจอบริเวณที่ขายการ์ด แบบว่ามุมหัวใจแดง แต่งแต้มวาเลนไทน์กันเลย เดินไประยะ 3 เมตร ก็เห็นอะไรน่ารักๆ คือคุณยาย (อายุสักเจ็ดสิบแล้วล่ะ) แหม..แบบว่ากำลังเลือกการ์ดวันวาเลนไทน์ เปิดอันนู้นอันนี้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายหยิบไปสองสามใบ!! หา.. ก็แบบตกใจ ตอนแรกเห็น ก็ว่าน่ารักจริงเลย สงสัยมาซื้อให้คุณตาล่ะซี หวานซะไม่มีเลยนะคะ แต่ เอ่อออ หยิบไปสามใบ เอ๊ะ!! หรือว่ามีคุณตา 3 คนนะ แหม !! พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้ร้อง อ๋อ.. To grandson, to granddaughter อะไรแบบนี้นี่เอง แต่ก็ยังเป็นคุณยายที่น่ารักอยู่ดี อายุมากแต่เพียงร่างกายแต่หัวใจยังกระฉับกระเฉงอยู่ แล้วก็เลยเปลี่ยนความสนใจไปดูที่การ์ดบ้าง ก็รู้สึกประทับใจการ์ดวาเลนไทน์ที่นี่ เค้าให้ความสำคัญกับ parents และ family (ทุกลำดับญาติหลานปู่ หลานตา คุณยาย คุณป้า อาเจ็ก มีหมด) สำคัญพอๆ กันกับคนรักทีเดียว ถามเพื่อนๆ ก็บอกว่า ก็ Valentine’s day สำหรับ everyone you love นะ อืมมมม น่ารักจัง ประทับใจ ชอบๆ เจ้าของเทศกาลเค้าน่ารักกันอย่างนี้นี่เอง แหม !! แต่กว่าที่เทศกาลวาเลนไทน์จะเดินทางมาถึงประเทศไทย อะไรน่ารัก ๆ แบบนี้แอบหล่นหายไปตอนไหนของคาบสมุทรบอลข่านนะ แล้วประเทศอื่นๆ ในเอเซียเราเค้าเป็นยังไงกันบ้างนะ?

:> update กันหน่อย up blog ไปได้ซักสาม ชม. ก้ได้รู้ว่าวันวาเลนไทน์ที่ประเทศญี่ปุ่น ฝ่ายหญิงจะทำหรือซื้อ chocolate ให้ฝ่ายชายที่ตัวเองหมายปอง (ออกแนวสาวอินเดียไปขอหนุ่มอินเดียซะงั้น เลยไม่รู้ว่าแอบรับอิทธิพลวาเลนไทน์จากประเทศอินเดียมารึป่าวนะ อิอิ) จากนั้นถ้าฝ่ายชายตอบรับ วันที่ 14 เดือนหน้าก็จะมอบ chocolate กลับไปให้ผู้หญิงคนนั้น 555 สงสัยมีสาวไทยแถวนี้อยากไปอยู่ญี่ปุ่นบ้างแน่เลย ปีหน้าไปจองตั๋วเร้ววว เอ้า ขอบคุณผู้สื่อขาวจากญี่ปุ่น ใครรู้ตัวว่าเป็นแหล่งข้อมูลนี้ให้จูน รับการตบมือขอบคุณไปเลยค่า

..ความรักก็ยังเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์อยู่ดี เมื่อเป็นไปตามวิถีที่สวยงาม.. (@^_^@) จบแล้วจ้า

February 10, 2006

น้องไฝ..เพื่อนรักคนใหม่

ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ: Sandra --> ชื่อไทย: น้องไฝ (จูนตั้ง)
เพศ : หญิง
อายุ: กำลังเหมาะ..!!
เชื้อชาติ: แอฟริกาใต้ (แต่พูดภาษาแอฟริกันไม่เป็น)
สัญชาติ: ไม่รู้ ถามแล้วไม่ยอมตอบ

รู้แต่ว่าตอนนี้กำลังพยายามขอ Green card ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถานภาพ: ไม่ตอบอีกเหมือนกัน แต่พอมาอยู่ที่นี่ก็เห็นคบแต่เพื่อนผู้หญิง

เลยเดาว่าปัจจุบัน “โสด”
ความฝัน: อยากเห็นโลกกว้าง นอกจากถังน้ำสี่เหลี่ยมกับเพื่อนกบสาวสี่ตัว
งานอดิเรก: ว่ายน้ำชนขอบอ่าง!!
ปัญหาสุขภาพ: มองไม่ค่อยเห็น อาหารเลยงับผิด ว่ายน้ำเลยชนอ่าง
รัก: คนอ่าน!! (เชยมาก ขอบอก)
เกลียด: ไอ้แก้มป่อง มีเขี้ยวที่มาจากเมืองไทย มาหาทีไร จับไปผ่าท้องทุกที
ประเทศในฝัน: ไทย..เห็นว่ามีทั้งเขียด ปาด อึ่งอ่าง และอยากช่วยเหลือผู้ประสบภัยทซึนามิ
ถ้าขอพรได้: ชาติหน้าขอไม่เกิดเป็น -กบ-
ถ้าพรที่ขอข้างบนเป็นไปไม่ได้: งั้นถ้าต้องเป็นกบ ขอเป็น กบ-สุวนันท์ ปภัสรา

นี่ล่ะค่ะ เพื่อนรักคนใหม่ของจูน เราพึ่งรู้จักและคลุกคลีกันมาซักเดือนนึง ไปหาทีไร ก็ไปขอใข่กบจากน้องไฝมาใช้ทำแลบทุกที พอปิดท้อง อีกสองอาทิตย์ก็ไปขอใหม่ น้องไฝเค้าเลยไม่ค่อยชอบเราซักเท่าไหร่ เพราะพุงเค้าชักจะพรุน แต่ก็แอบรักและเป็นห่วงเค้า คอยดูแล อาบน้ำ ประแป้ง แต่งตัวให้ทุกวัน เปลี่ยนน้ำให้ ขัดขี้ไคลอีกนิดนึง (ช่วงแรกหลังผ่าเอาไข่กบ น้องไฝเค้าจะสลัดผิว) เช้าไปถึงก็ไปหาเค้าก่อนใคร Good morning, how are you? ช่วงแรกยังไม่ค่อยรู้ใจกัน น้องไฝเค้าไม่ตอบ สงบนิ่งมาก ตกใจสิคะ ที่ผ่าไปเมื่อวาน ฉันทำน้องไฝตายรึเปล่า!! อ้อ..พอเคาะๆ เอียงถังไปมา ถึงรู้ว่า “ไฝหลับฮ่ะ” ก็จะไปรู้ได้ยังไง หลับก็ไม่ยอมหลับตา ทำตัวลอยๆ อีก แต่ไม่เป็นไร ช่วงนี้เราเข้าใจกันมากขึ้นแล้ว น้องไฝบอกว่าช่วงนี้เธอทำงานสะสมวันลาอยู่ เธอบอกว่าเธอจะขอ Professor เพื่อ take vacation ลาพักหนาวไปเยี่ยมกบลาวกับกบไทย เธอขอแค่พื้นที่เล็กๆซุกติดไป เมื่อไหร่ที่จูนกลับเมืองไทยก็พอ..

February 08, 2006

ชื่นชม

ชื่นชม..คนที่ค้นหาตัวเองเจอ
ชื่นชม..คนที่ค้นหาตัวเองเจอ และได้ทำสิ่งนั้นที่ตัวเองรัก
ชื่นชม..คนที่ค้นหาตัวเองเจอ ได้ทำสิ่งนั้นที่ตัวเองรัก และทำได้สำเร็จอีก

..ไม่ง่าย ที่ใครสักคน จะค้นเจอและรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง ในสิ่งที่รัก ที่ได้ทำ
..แต่จะมีกี่คน ที่สามารถก้าวต่อไปบนถนนเส้นนั้น เดิน และถึงปลายทางได้สำเร็จ
..แต่ สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ตาม ทุกครั้งที่ได้รู้จักคนกลุ่มนี้ จะรู้สึกชื่นชมในความ-กล้าหาญ- ของพวกเขาทุกครั้ง

ชื่นชมในการค้นพบและเข้าใจตัวเองของพวกเขา แล้วยัง -แน่วแน่- ที่จะเดินตามทางของตัวเองได้อย่างมั่นคง
แม้ว่า....บางทีทางนั้นอาจสวนกระแส บรรทัดฐานสังคม ที่ “ยกย่องกันที่เปลือก

การประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ได้วัด -รางวัลแห่งชีวิต- กันที่ ตำแหน่งหรืออักษรนั่นนี่ที่นำหน้าชื่อ แบบ ศ.พอ.นพ.ดร. อะไรทำนองนั้น
บางทีการประสบความสำเร็จในชีวิต อาจวัดที่ -หัวใจพองโต- เวลาที่ได้ทำอะไรสักอย่างที่รักและมีความสุข แล้วก็ขลุกอยู่กับมันได้ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่เบื่อ ใครที่เคยได้เข้าถึงความสุขนี้อย่างแท้จริง คงเข้าใจ

เอาเถอะ ต่างคนก็คงมีเหตุผลการเลือกทางเดินของตัวเอง..
แต่ตอนนี้ ค้นพบใหม่อีกทีว่า คนอีกแบบที่น่าชื่นชมมากยิ่งขึ้นอีก คือ..

คนที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเลยแม้แต่น้อย แต่ยังสามารถปรับตัวและอดทน จนรักในสิ่งที่ตัวเองทำได้อีก

เค้าทำยังไงกัน....

February 06, 2006

กู้ชาติ 4 กุมภา

ใช่ว่า มาอยู่ Rochester ไกลถึงอีกฝั่งตรงข้ามโลก อเมริกา แล้วพลังกู้ชาติจะมาไม่ถึงนะ มาไกลจนมีคนไทยโหลด ringtone ".... ออกไป ออกไป" เข้ามือถือเชียวล่ะ จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เกาะติดสถานการณ์หรอก ส่วนตัวก็คือไม่ได้ชอบทั้งสองฝ่าย คือเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดว่างั้นเถอะ แต่จะเข้าไปดูในเวบบ้างเป็นครั้งคราว ก็ตกกะใจเหมือนกันว่าคนไปชุมนุมกันเยอะขนาดนั้นเชียวเหรอ แล้วมีใครไปร่วมประท้วงบ้างหรือเปล่าเนี่ย และก็สงสัยว่า..แล้วลูกเค้าที่อยู่จุฬาฯ น่ะ จะใช้ชีวิต เดินไปเดินมายังไงนะ เฮ่อออ รู้แล้วก็รู้สึกน่ากลุ้มใจ สุดท้ายเรื่องราวจะจบลงยังไง ก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันนะ ????

ปจ. ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา (Jan 30 - Feb 5) ที่นี่เป็น Tax Free Week ล่ะ คนก็เลยไป shopping กันใหญ่ เพราะปกติทานข้าวหรือซื้อของอะไร ราคาที่จ่ายก็จะเจอ tax บวกเพิ่มไปอีก 8% บางทีก็อึ้ง งง ไปพักนึงว่า ตอนฉันคำนวณ ฉันว่ามันไม่แพงเท่านี้นะ นอกจากนี้เวลาไปทานร้านอาหารที่นี่ ก็เป็นที่รู้กันอีกว่าต้องจ่ายค่า service อีก 10-15% ของราคาอาหารอีก เป็นที่รู้กัน ไม่จ่ายก็รู้สึกผิดยังไงพิกล..

February 02, 2006

ขอรับบริจาคเลือด !!

วันนี้ตั้งใจมาเขียนเรื่องนี้โดยเฉพาะ ก็ขอทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ ทั้งที่ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เพื่อที่จะเอามาเขียนเท่าไหร่ หลังจากที่เคยถ่ายทอดผ่านเรื่อง เปลวเทียน ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องราว ชีวิต-ความเป็น-ความตาย ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าเพศไหน อายุเท่าไหร่ เวลาใด และแม้ว่าคุณจะเป็นใคร

แต่แล้ว....วันนี้ก็ต้องได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดกับใครคนหนึ่งอีก ที่จูนเคารพรัก คืออาจารย์สมัยที่เรียนปริญญาตรี ท่านเป็นอาจารย์ที่น่ารัก อารมณ์ดี และดูมีความสุขอยู่เสมอ แต่....วันนี้ รอยยิ้มและความสุขในแววตาของท่านจางหายไป เนื่องจากจูนได้รับข่าวจากเพื่อนว่า ลูกชายของท่าน (น้อง Best ประมาณ 10 ขวบ) ได้รับการตรวจพบว่าเป็นโรค Leukemia มะเร็งในเม็ดเลือดขาว ระยะเฉียบพลัน ขณะนี้กำลังรับการรักษาอยู่ที่ รพ.ศิริราช โดยต้องให้เคมีบำบัด และเตรียมผ่าตัดถ่ายไขกระดูกใหม่ (เพื่อให้เม็ดเลือดที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นเม็ดเลือดปกติมากขึ้น) จากนั้นจะต้องได้รับการถ่ายเลือดอย่างสม่ำเสมอ หากปริมาณเลือดมีไม่พอ นั่นหมายถึง -ชีวิต-ต้องสิ้นสุดลง-

การบริจาคเลือด (รวมถึงการบริจาคอวัยวะหรือร่างกาย)นั้น ในทางพุทธศาสนาถือว่าเป็น-การให้ที่สูงส่ง-อย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นการให้ ที่เราได้เลือก “สละส่วนของชีวิต เลือดเนื้อและร่างกายของเราให้แก่ผู้อื่น” ในส่วนของการบริจาคเลือดนั้น ร่างกายเราก็สามารถสร้างทดแทนได้ใหม่ใน 3 เดือนอยู่แล้ว จูนเองเคยทำได้สำเร็จหนึ่งครั้งหลังจากพยายามเทียวไปถึงสามรอบก่อนนั้น สองครั้งแรกน้ำหนักไม่ถึงที่ รพ.รามาธิบดี และ รพ.ศิริราช (ปกติเกณฑ์ที่ 48 ถึง 50 กก.) แต่ด้วยความตั้งใจ จึงเปลี่ยนที่รับบริจาคไปที่สภากาชาดไทยเพราะรับที่น้ำหนัก 45 กก. ได้ แต่..ครั้งที่สามนี้ก็เจาะเลือดพบว่าความเข้มข้นเลือดต่ำเกินไป เนื่องจากช่วงนั้นเรียนหนัก พักผ่อนน้อย ข้าวเย็นไม่ค่อยได้ทาน ทำให้บริจาคไม่ได้อีก สุดท้ายเลยตั้งใจเปลี่ยนวิธีการดำรงชีวิตใหม่ พักผ่อนเพิ่มขึ้น และทานอาหารที่ช่วยเสริมธาตุเหล็ก (ผักใบเขียว)แก่เลือด ฟิตร่างกายพอสมควร สุดท้ายก็สามารถบริจาคได้สำเร็จก่อนมาอเมริกาไม่กี่เดือน หลายๆ คน กลัวเข็ม อย่ากลัวเลยค่ะ การเจ็บจากเข็มแทงเพียงเล็กน้อย “แค่ช่วงเสี้ยวเวลาหนึ่งของชีวิตคุณ” เทียบไม่ได้กับ “ชีวิตของใครอีกคน ที่คุณอาจต่อให้เค้าได้อีกทั้งชีวิต” และไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้ ดังนั้นหากใครก็ตามสามารถบริจาคเลือดได้ จงภาคภูมิใจในการให้ที่ยิ่งใหญ่ของคุณเถอะค่ะ เพราะมีคนอีกมากมายที่สภาพร่างกายไม่พร้อมแม้ใจพร้อมที่จะบริจาค อีกทั้งยังมี หลายชีวิตที่รอการ-ต่อชีวิต-จากเลือดของคุณ จริงอยู่ ..ธรรมชาติ..กำหนดความเป็นไป..ไปตามวิถีทางของ ธรรมชาติ.. แต่ถ้าวันหนึ่ง คนที่รอรับเลือดเพื่อรอดชีวิตจากเสี้ยวเวลาแห่งความเป็นและความตายนั้น..คือคุณ หรือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิต เลือดนั้นคงมีคุณค่ามากมาย เกินกว่าที่คุณจะขอบคุณเค้าได้เหลือเกิน

ศูนย์รับบริจาคโลหิตมีหลายที่ สภากาชาดไทย, รพ.รัฐบาลชั้นนำต่างๆ เช่น รพ.ศิริราช, รพ.รามาธิบดี สามารถสอบถามที่ประชาสัมพันธ์ได้โดยตรง การเตรียมตัว ก็เพียงนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารเช้าก่อน และอย่าทานอาหารมันจัดก่อนบริจาค ง่ายๆ เท่านี้เองค่ะ

ส่วนถ้ามีใครก็ตาม ได้อ่านเรื่องนี้แล้วมีจิตเมตตาอยากช่วยเหลือน้อง Best โดยตรง ก็จะยินดีมากๆ ค่ะ สามารถติดต่อขอบริจาคเลือดได้ที่ ตึก 72 ปี ชั้น 3 รพ.ศิริราช ขอบริจาคแก่ ด.ช.ชวัลวิทย์ สุวรรณศรี หมู่เลือดไดก็ได้ค่ะ เพราะทาง ร.พ.ศิริราช สามารถติดต่อขอแลกจากศูนย์อื่นอีกทีได้ ขอเพียงแต่มีปริมาณเลือดเพียงพอ แต่ถ้าหากไม่สะดวกแต่อยากร่วมแบ่งปันน้ำใจ ก็รบกวนบอกต่อ อีเมล์ หรือโพสท์ต่อที่ใดก็ได้ค่ะ ขอขอบคุณแทนอาจารย์และน้อง Best ด้วยนะคะ

....เลือดของคุณอาจมีค่ามากกว่าที่คุณคิด อาจช่วย “ต่อชีวิต” แก่ใครสักคน....

February 01, 2006

ปรับตัว


กันยายน ๒๕๔๘ : Autumn in New York (Rochester)
- กรี๊ดด ทำไมมันหนาวอย่างงี้นะ ฮือๆ หนาวจัง สั่นๆๆ
- เปิดดู weather forecast –> ๑๘ องศาเซลเซียส (หลังคำนวณกลับจาก ฟาเรนไฮต์)

>> ๕ เดือนผ่านไป <<
มกราคม ๒๕๔๙: Winter in New York
- กรี๊ดด ดีใจจัง วันนี้รู้สึกอากาศ เย็นสบาย ไม่หนาวเกิน ชอบๆๆๆ ยิ้มๆๆๆ
- เปิดดู weather forecast –> ๕ องศาเซลเซียส

เพราะฉัน ปรับตัว ได้แล้ว
เอ๊ะ สับสน?? หรือ เพราะฉัน มีชั้นไขมันนุ่มหนา มา มอบความอบอุ่น ละมุนละไม เพิ่ม
กรี๊ดด ไม่ ไม่ ไม่จริง ....

เพราะฉัน เคยเจอตอนที่ติดลบถึง – ๑๓ องศาเซลเซียส ต่างหาก แค่ ๕ องศา เลยเด็ก ๆ

January 29, 2006

สวยงาม

ความเดิมจาก ..เกินรัก..,..คล้องใจ.. และ เป็นแฟนพี่..ไม่มีอด !!

ฉันเดินทางมาแสนไกล และยังต้องก้าวต่อไป
เพื่อทำ -หน้าที่แต่ละช่วงชีวิต- ให้ดีที่สุด
เช้านี้ตื่นมา ความรู้สึกหนึ่งแล่นขึ้นในหัว
-พ่อแม่- ช่างสวยงามที่สุดสำหรับฉันในวันนี้
ไม่ใช่เพราะมาอยู่ไกล เลยทำให้รู้สึกอะไรไปต่างๆ นาๆ แต่ว่า....
....ความสวยงามนี้ ดูเป็น “ความสวยงาม-ที่บริสุทธิ์” จริง จริง....

ชายท่านหนึ่งอายุท่าน ๗๐ และ หญิงท่านหนึ่งอายุท่าน ๖๔
>> สองเดือนก่อน
"ฮโหล เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะพาคุณพ่อไปหาหมอนะลูก ทำแล้ว นอน รพ.
และรอผลตรวจชิ้นเนื้อหนึ่งอาทิตย์นะลูกนะ"
>> เช้าวานนี้
"ฮโหล ลูกเหรอจ๊ะ เดี๋ยวพ่อจะพาแม่ไปหาหมอนะ หลังจากรักษาก็นอน รพ.สักพักค่อยกลับบ้าน"

ไม่จำเป็นต้องนิยามเพื่อหาคำอธิบายใด ๆ นอกจาก--
ภาพความ -สวยงาม -..ที่สองท่าน จูงมือ ดูแลซึ่งกัน อยู่ในใจฉัน-ตลอดไป..
..
หวังเพียง เรื่องราวนี้จะสามารถ "แบ่งปัน" ไออุ่นแห่งความสงบสุขใจ
เกิดเป็นรอยยิ้มสดใส-ในหัวใจ ให้กับ ทุกคน

January 27, 2006

เท้าเหล็ก-รองเท้าคู่ที่สองครึ่ง

ความต่อจาก..รองเท้า และ รองเท้าคู่แรก

เขา " ไม่ใส่รองเท้าเหรอครับ "
เธอ ......
เขา " แต่ผมตั้งใจซื้อรองเท้าคู่นี้มาอย่างดี ใช้รองเท้าคู่นี้เถอะครับ"
เธอ ......
เขา
" แต่ใครๆ เค้าก็มีรองเท้าใส่กันทั้งนั้นกับอากาศหนาวแบบนี้ "
เธอ ......
เขา " ไม่ไหวมั้งครับ เดินเท้าเปล่าคนเดียวเนี่ย เดี๋ยวหิมะจะกัด "
เธอ " ขอบคุณนะคะ.. แต่ตอนนี้ดิฉันอยากลองเดินเท้าเปล่าก่อนค่ะ
ดิฉันเท้าเหล็ก !!.."

January 23, 2006

พระอาทิตย์กับชีวิต

รุ่งสางวันหนึ่ง ใต้ผ้าห่มอุ่น เข้าสู่เช้าของวันใหม่อีกครั้ง.......
แม้แต่...ดวงอาทิตย์...แหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของโลก
แค่..แต่ละ-หนึ่งวัน..ของดวงอาทิตย์ที่ยิ่งใหญ่
- Sunrise, Sunshine and Sunset -
- ดวงอาทิตย์ สว่างขึ้น ส่องแสง และลับ ดับไป
พรุ่งนี้ พระอาทิตย์ จะกลับมาใหม่
บ้างสว่างสดใส บ้างมีเมฆหมอกบดบัง
มนุษย์..สิ่งมีชีวิต เล็ก เล็ก เมื่อเทียบกับ ดวงอาทิตย์และโลกที่กว้างใหญ่
ทุกเรื่องราวชีวิต ที่เป็นไป บางทีอาจ -ไม่ต่างกัน-

January 20, 2006

New England aquarium

ที่ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของ Boston ก็คือ New England aquarium ก็อารมณ์พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ทั้งน้ำเค็มน้ำจืดมาหมด แต่ความสวยงาม คิดว่าบ้านเราสวยกว่าก็ underwater world ที่พัทยา กับที่สุพรรณ (จำชื่อไม่ได้แล้วอ่ะ) และถ้าใครไปที่ Singapore มาแล้วก็สวยกว่าอีกเหมือนกัน แต่ถ้าพูดถึงความหลากหลาย ที่ New England aquarium ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว ก็มีสัตว์แปลกๆ ดูตลกดี เลยเอาภาพมาฝากนิดหน่อย ส่วนค่าตั๋ว ปกติแล้วเห็นเค้าบอกว่าค่าบัตรเข้าชมแพงมาก แต่เนื่องจากปีใหม่นี้ ที่ Boston เค้ามีงาน Boston First Night 2006 คือซื้อบัตรเหมาทุกอย่าง แล้วก็จะเข้าได้ทุกที่ ที่มีสัญลักษณ์ Boston First Night แต่งานมีวันเดียวคือ 31 ธันวาคม ต่อ countdown สรุปว่าคราวนี้ก็เลยเข้าไปชมได้ไม่แพงเท่าปกติ วันนี้ก็รักเด็ก รักสัตว์ รักธรรมชาติกันหน่อยนะจ๊า


< น้องคนนี้เค้าชื่อ Cephalopod ชอบตาเค้า ดูตาซื่อๆ หน้าตาแปลกๆ น่ารักดี แต่อยากรู้ว่า ว่ายน้ำด้วยลำตัวส่วนไหน

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ส่วนทางขวานี่เป็น Leafy seadragon ลักษณะตัวคงบอกที่มาของชื่อ ออกแนวม้าน้ำมีใบไม้พริ้วไหวรอบตัว ก็เป็นอะไรแปลกๆ ที่ประทับใจเหมือนกัน เลยซื้อ magnet เป็นที่ระลึกมาด้วย ที่จริงอยากได้ น้อง pod ข้างบน แต่ไม่มี เสียดายจัง

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

Blue lobster (ไม่ชัด โทษทีจ้า)

ข้างตู้อธิบายว่า blue lobster จะพบ 1 ใน 5 ล้าน

yellow lobster 1 ในหลายสิบล้าน!!

หายากที่สุดคือ white lobster พบ 1 ในกี่ร้อยล้าน!!จำไม่ได้จ้ะ

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ตัวนี้ก็ปลาดาว ปกติธรรมดาเหมือนที่เคยเห็นกัน แต่ที่นี่เป็นอ่างแบบเปิด แล้วก็เขียนว่าให้ลองหยิบขึ้นมาดูได้ but be gentle ตอนแรกไม่กล้าจับ แต่คิดไปคิดมา ลองดูดีกว่า ก็รู้สึกว่ามันนุ่มๆ นิดๆ แต่ที่ผิวบนจะสากๆ ก็แปลกไปอีกแบบ จากที่ตอนแรกคิดว่ามันคงเละๆ แต่ก็ไม่ใช่ เสร็จแล้วเดินไปด้านข้างก็จะมี hand gel ให้ล้างมือกับกระดาษให้เช็ดทำความสะอาด

"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

จริงๆ แล้วสัญลักษณ์และขวัญใจของเด็กๆ ที่นี่อย่างนึง ก็คือ เต่าทะเล ตัวใหญ่ แต่ถ่ายภาพได้ไม่ชัดซะทีว่ายน้ำอยู่ซะลึก เลยไม่ได้เอาภาพมาฝาก และถ้าใครไปดูเต่าทะเลแล้วเจอตรายาง Turtle Trek ปั๊มมา ก็เอาไปแลก wristband สีเขียว อนุรักษ์เต่าทะเล ชอบที่ wristband จะมีชื่อเต่าทะเลอยู่ แล้วก็ให้เข้าไปดูใน www.neaq.org ได้ว่า ชื่อเต่าทะเลที่เราได้หน้าตาเป็นยังไง ที่ได้มาชื่อ Cori ลองเข้า website เจอน้อง Cori หน้าตาเป็นแบบนี้เอง ส่วนของพี่ชื่อ Kiwi ลองไปเล่นดูสนุกๆ ได้จ้า ว่าหน้าตา Kiwi จะเหมือน Cori รึป่าว

<<< ป๋มชื่อ Cori ฮับ ยินดีที่ได้รู้จัก :)

January 19, 2006

Boston: Enjoy Eating Trip

หายไปเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับงานวิจัย (Lab) ของตัวเอง ซะหลายวัน วันนี้ก็กลับมาเล่าสู่กันฟังอีกที ก่อนที่จะลืมบรรยากาศไปซะก่อน พูดถึง Boston trip ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ก็คงนึกถึงอะไรไม่ได้นอกจากอาหารการกิน จนตัวเองกับพี่ตั้งชื่อ trip นี้ว่า Enjoy Eating Trip: EET ก็ลองบวกลบคูณหารกันไปว่า ทั้งหมด 10 วัน วันละ 2 มื้ออิ่มอร่อย (skip breakfast เนื่องจากอิ่มค้าง!! จากเย็นวันก่อนตลอด) น้ำหนักก็ปาเข้าไป.... (จงเติมคำในช่องว่าง) สิริรวมแล้วเป็นอาหารจากกี่ชาติจำไม่ได้ หยิบยกมาเล่ากันบางชาติบางบรรยากาศ

ไปบอสตัน ถ้าไม่ได้ทาน lobster ก็ไปไม่ถึงบอสตัน ตัวใหญ่จนน่าเป็นลม ที่พี่สั่งให้โดยเฉพาะ ก็ราคา $ 40 กี่ปอนด์ไม่สามารถจำได้ ก็ต้องมีกรรมวิธิการกินด้วย สำหรับคนที่สั่ง lobster เท่านั้นก็จะมีผ้าผูกคอกันเปื้อน ออกแนวเด็กน้อยกินอาหารเลอะเทอะ ไม่ผูกไม่ได้ เพราะเวลาใช้คีมหนีบ แกะเปลือกมันจะกระเด็นเลอะเทอะจริงๆ สุดท้ายเลยต้องยอมผูก แอบอายอยู่ แต่โต๊ะอื่นที่สั่ง lobster ก็ผูกกันหมด ดูท่าทางภูมิอกภูมิใจอีกตะหาก เลยต้องยอมผูก

< เอาแบบครบสูตร บีบมะนาวทั่วๆเล็กน้อย หลังจากแกะล้างให้สะอาด ทานกับน้ำเนย
ผ้าผูกคอกันเปื้อน >



อีกที่ของบอสตันที่ไม่ไปไม่ได้ ก็คือ Faniel Hall คือแบบว่าตึกเดียว แต่มีร้านอาหารต่อๆ กันเป็นทางยาว หลากกลาย70-80 ร้าน ไปถึงก็ต้องเดินสำรวจโลกให้ทั่วก่อนว่าอยากกินอะไร แบบไหน แล้วค่อยตัดสินใจไปซื้อ สุดท้ายได้ Clam chowder เป็นซุปข้นใส่ชามขนมปังอร่อยไม่ต้องบรรยาย แล้วก็ Clam wrapped with bacon อันนี้ก็อร่อยได้ใจเป็นพิเศษ นอกจากนี้ที่เดินๆ ดู เห็นร้านนึงน่ารักชื่อ Bubble tea พอเดินไปดูใกล้ๆ แถ่น แทน แท้น คือชานมไข่มุกบ้านเรานั่นเอง ชื่อภาษาอังกฤษน่ารักเชียวนะ แต่ว่าตัว Bubble บ้านเราอร่อยกว่า

Mexican food อันนี้รสไม่ค่อยถูกปาก hot and spicy ก็จริงแต่แปลกๆ คงเป็นเพราะมีส่วนผสมจากถั่วเยอะซึ่งม่ค่อยชอบ แต่ที่ชอบคือการตกแต่งของร้าน น่ารักมากๆ สีสันจัดจ้านสมเป็น Mexican จริงๆ จนต้องเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ไปจนถึงห้องน้ำ น่ารักจริงๆ เอาไปห้าดาวความน่ารักสดใส



ห้องน้ำน่ารักดี(ในภาพทางขวา)มี tissue ยืนยันว่าเป็นห้องน้ำจริงๆ >>>


Italian food อันนี้ ก็ขอสาธยาย ที่ได้ทานไป แบ่งเป็น 3 จำพวก ได้แก่ American-Italian, Nothern and Southern Italian food ก็พึ่งจะรู้ว่าอาหารอีตาลีเค้าก็มีแบ่งภาคเหมือนกัน การตกแต่งในร้านก็ต่างกันไปอีก ที่ชัดเจนก็คืออาหารอีตาลีแบบ north กับ south ค้นพบว่าก็เหมือนภาคเหนือภาคใต้บ้านเรา คือภาคใต้จรสจัดกว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศด้วย วัตถุดิบที่ทำก็เลยต่างกันอีก เช่น มันฝรั่งทางเหนือจะเล็กกว่าทางใต้ รสก็จะจืดกว่าด้วย แต่รวมๆ แล้ว ทุกที่ของหวานอร่อยยยยยหมด !! (อ้าวววว)

สุดท้ายที่อยากเล่าก็คือร้านอาหารไทย การได้ชิมอาหารไทยในต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งที่ควรลองพิสูจน์ความเหมือนที่แตกต่าง ส้มตำที่ร้านอาหารไทยในบอสตัน (อัดอั้นอยากกินมาเป็นเวลา 4 เดือน หาที่ Rochester ไม่ได้ มะละกอก็แพงยังกะน้ำมัน ครกก็ไม่มีตำ ตำได้ก็ไม่อร่อย) รสเด็ด เผ็ดได้ใจคนไทยในต่างแดนมั่กๆ เข้าไปนั่งไม่ถึง 5 นาทีได้อารมณ์เหมือนนั่งร้านส้มตำแถวสยาม หมายถึง ข้างนอกวิวดี อากาศเย็นพอประมาณ คนเข้าร้านพูดกันแต่ภาษาไทย เว้นคนตำ สำเนียงไทยลาว (ถ้าไม่ได้สำเนียงนี้คงไม่ผ่าน ตำไม่อร่อย)

จบจ้ะ จบกันห้วนๆ แบบนี้ล่ะ

January 12, 2006

เล่าเรื่องเมืองที่เที่ยว ตอนที่ 3

หลังจากแบ่งปันเรื่องราวการใช้ชีวิตที่เมือง Marshfield และ Plymouth ในมลรัฐ Massachusetts ไปแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าถึงคิว Boston ซะที แต่ลืมไปว่ายังมีอีกเมืองที่สำคัญที่ได้ไปเยี่ยมมา คือเมือง Cambridge และด้วยแต่ละเมืองของรัฐนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย การไปเยี่ยมไปเยือนก็เลยไม่ลำบาก ขับรถแป๊บเดียวก็ถึง หลายๆคน คงเคยได้ยินชื่อ Cambridge, Massachusetts กันบ้าง เหตุผลนึงของความสำคัญก็คงเพราะเมืองนี้มีมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกอยู่ถึง 2 มหาวิทยาลัย คือ Harvard University ก็ดังกันหลายด้านทีเดียว กฎหมาย การแพทย์และอื่นๆ อีกแห่งที่ขาดไม่ได้ก็ Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT ที่นี่เค้าก็มีชื่อเสียงด้านวิศวกรรมศาสตร์ ไหนๆ ก็ได้ชื่อว่านักศึกษาแล้ว พี่เลยคิดว่าจูนไม่ควรพลาด ต้องพาไปเปิดมุมมอง ว่านอกจากที่ตัวเองเรียนอยู่ แล้วมหาวิทยาลัยอื่นเป็นยังไง โชคดีที่วันนั้นอากาศแจ่มใส shiny ได้ใจ ทำให้การเดินทางเต็มไปด้วยความสุขและสดชื่น

..รูปปั้น John Harvard เชื่อกันว่า ใครที่ได้สัมผัสจะโชคดี ด้วยความสูงแตะถึงแค่เท้า แต่คนอื่นก็แตะที่เท้าเหมือนกัน..


Harvard University นอกจากความโดดเด่นด้านวิชาการแล้ว บรรยากาศของมหาวิทยาลัยก็สวยงามน่าอยู่ไม่แพ้กัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสถาปัตยกรรมของตึกผสมผสานกับความร่มรื่นทำให้มหาวิทยาลัยดูสวยงามตามแบบฉบับของตนเอง ก็ไม่ทราบว่าสถาปัตยกรรมแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่ถ้าใครทราบ ก็ช่วยแบ่งปันให้แก่กันและกันทีนะคะ





















บริเวณใกล้ๆ ก็มี Harvard Square(แต่ไม่เหมือน Siam Square บ้านเรา)เป็นshopping mall ที่โด่งดังในย่านนี้ ร้านนึงที่ประทับใจก็คือร้านขายของที่ระลึกที่มี chocolate ทุกแบบ ที่จริงก็ไม่ค่อยอยากบอกเท่าไหร่เพราะแอบอายว่าอาจจะโดนแซวได้ แต่ก็ทำให้นึกอยู่ว่า ถ้า Rochester มีแบบนี้นะจะมาชิมกันวันละแบบเชียว นอกจากนี้อีกบริเวณ shopping center ที่จำชื่อไม่ได้ ก็มีร้านอาหารเล็กๆแต่อร่อยมากมายโดยเฉพาะราเมนที่ได้ไปชิมมา

ต่อมา ย้ายไปที่ MIT กันบ้าง ก็สมเป็น Institute of Technology จริงๆ แค่ลักษณะของตึกก็เฉพาะแบบ ทันสมัยต่างไปจาก Harvard University อย่างชัดเจนแล้ว แต่ด้วยคุณสมบัติส่วนตัวของจูนที่ไม่ชอบอะไร Hi-Technology กับเค้าซะเลย ค่อนข้างไปทางแพ้ computer และอะไร Hi-Tech อีกตะหาก เลยทำให้จูนจัดอันดับความประทับจิตส่วนตัว MIT ไว้ที่ขอบใจ แต่สำหรับหลายคนที่มีความฝันอยากมาเรียนที่นี่ คงมี MIT อยู่กลางใจกันทีเดียว แต่ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนคงสำคัญที่ใจผู้เรียนด้วย ว่าพร้อมจะรู้เรียนและเรียนรู้อะไร..ในโลกกว้างใหญ่ใบนี้..
MIT2
MIT1
Charles River
Charles river แม่น้ำสำคัญในเมือง Cambridge
ก็คร่าวๆ พอหอมปากหอมคอ แล้วค่อยมาต่อกันใหม่ แบบ Shiny Shiny ค่ะ (@^_^@)